เมคอัพที่ดูสวยเป๊ะตั้งแต่เช้าจรดเย็นคือเป้าหมายของใครหลายคน แต่ปัญหาที่พบบ่อยคือเครื่องสำอางไม่ติดทน รองพื้นไหลระหว่างวัน หรือหน้าดรอปจนขาดความมั่นใจ ซึ่งหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ก็คือ “แป้ง” แต่ควรเลือกใช้อะไรดี ระหว่างแป้งฝุ่นกับแป้งพัฟ และควรทาอันไหนก่อนกันแน่
แป้งฝุ่น vs. แป้งพัฟ ต่างกันอย่างไร ?
การเลือกแป้งให้เหมาะสมกับการใช้งาน ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เมคอัพติดทนและผิวดูสวยเป็นธรรมชาติ แป้งฝุ่น (Loose Powder) และแป้งพัฟ (Pressed Powder หรือ Compact Powder) มีความต่างกันทั้งในด้านเนื้อสัมผัสและคุณสมบัติ
สำหรับ แป้งฝุ่น จะมีลักษณะเนื้อบางเบา ไม่ผสมรองพื้น นิยมใช้หลังลงรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ เพื่อ “เซ็ต” เมคอัพให้ติดแน่นมากขึ้น ช่วยลดความมันวาว โดยไม่เพิ่มความหนาบนผิว เหมาะกับคนที่ต้องการลุคธรรมชาติ หรือมีผิวมันที่ต้องควบคุมความเงาตลอดวัน
แป้งพัฟ คือแป้งอัดแข็งที่มีเนื้อแน่นกว่า บางสูตรมีการผสมรองพื้นเพื่อเพิ่มการปกปิดและให้สีผิวสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับเติมระหว่างวัน เพราะใช้ง่ายและช่วยรีเฟรชผิวหน้าให้กลับมาเนียนเหมือนแต่งใหม่อีกครั้ง นอกจากนี้ ยังให้ลุคที่ค่อนข้างแมตต์และช่วยกลบรูขุมขนหรือริ้วรอยได้ดี
ควรใช้แป้งแบบไหนให้เหมาะกับผิว ?
การเลือกแป้งให้ตรงกับสภาพผิว จะช่วยให้เมคอัพติดทน อีกทั้งแป้งแต่ละชนิดยังจะเหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย ดังนี้
-
ผิวมัน: ควรใช้แป้งฝุ่นเซ็ตเมคอัพทั่วหน้าเพื่อดูดซับความมัน จากนั้นอาจใช้แป้งพัฟกดเบา ๆ บริเวณทีโซนที่มีความมันมาก เช่น หน้าผาก จมูก และคาง
-
ผิวแห้ง: เลือกแป้งฝุ่นเนื้อละเอียดและบางเบา ใช้เพียงเล็กน้อย หลีกเลี่ยงแป้งพัฟที่ให้การปกปิดสูง เพราะอาจเน้นความแห้งหรือทำให้เกิดคราบได้
-
ผิวผสม: เซ็ตทั่วหน้าด้วยแป้งฝุ่น และใช้แป้งพัฟเฉพาะบริเวณที่มันระหว่างวัน จะช่วยควบคุมความมันโดยไม่ทำให้ผิวส่วนอื่นแห้งตึง
แป้งฝุ่นกับแป้งพัฟ ควรทาอันไหนก่อน ?
นอกเหนือจากการเลือกแป้งตามสภาพผิวแล้ว ลำดับการลงแป้งแต่ละประเภทเองก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนี่คือขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้เมคอัพออกมาดูเป็นธรรมชาติและติดทนนาน
-
หลังลงรองพื้นหรือบีบีครีม: ใช้แป้งฝุ่นก่อนเพื่อเซ็ตผิวให้เนียนและควบคุมความมัน
-
เติมเมคอัพระหว่างวัน: ใช้แป้งพัฟในการเติม เพราะสามารถกดซับความมันและเพิ่มความเนียนเรียบได้โดยไม่ต้องล้างหน้าใหม่
วิธีเลือกแป้งพัฟให้เหมาะกับผิว
สำหรับวิธีเลือกแป้งพัฟ อันดับแรกควรให้ความสนใจที่สูตรของแป้งเป็นหลัก เพราะจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการ และตอบโจทย์สภาพผิวเฉพาะบุคคล
-
แป้งพัฟเนื้อแมตต์: เหมาะกับคนผิวมันหรือผิวผสมที่มีแนวโน้มมันง่าย ช่วยคุมมันได้ตลอดวัน
-
แป้งพัฟผสมรองพื้น: สำหรับคนที่ต้องการปกปิดริ้วรอย รอยแดง หรือจุดด่างดำ พร้อมให้ลุคผิวเนียนแบบ Full Coverage
-
แป้งพัฟเนื้อบางเบา: เหมาะกับคนที่มีผิวแห้งหรือแพ้ง่าย ให้ความรู้สึกบางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน
-
แป้งพัฟสูตรกันน้ำ: สำหรับผู้ที่ต้องเจอกับอากาศร้อน เหงื่อเยอะ หรือมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องเคลื่อนไหวตลอดเวลา แนะนำแป้งพัฟที่มีคุณสมบัติกันน้ำ กันเหงื่อ เพื่อป้องกันเมคอัพหลุด
เคล็ดลับล็อกเมคอัพให้ติดทนตลอดทั้งวัน

-
เลือกอุปกรณ์ให้เหมาะสม: ใช้ฟองน้ำหรือแปรงแต่งหน้าในการลงแป้ง จะช่วยให้เนื้อแป้งแนบสนิทกับผิวมากกว่าการใช้มือหรือพัฟถูแรง ๆ
-
ใช้เทคนิคกดเบา ๆ : ไม่ควรปัดแป้งพัฟไปมาบนผิวหน้า เพราะจะทำให้เมคอัพที่เซ็ตไว้หลุดออก ควรใช้พัฟแห้งกดเบา ๆ ลงบนจุดที่มันหรือเมคอัพเริ่มหลุด
-
ล็อกผิวด้วยสเปรย์: หลังทาแป้งควรใช้สเปรย์ล็อกเมคอัพ เพื่อช่วยให้เครื่องสำอางติดทนได้นานตลอดวัน โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนหรืออยู่ในห้องแอร์นาน ๆ
-
อย่าลืมบำรุงผิวก่อนแต่งหน้า: ผิวที่ชุ่มชื้นจะทำให้แป้งติดผิวได้ดีขึ้น ลดโอกาสเป็นคราบระหว่างวัน และช่วยให้ลุคโดยรวมดูสุขภาพดี
ไม่ว่าคุณจะต้องการควบคุมความมัน เพิ่มการปกปิด หรือให้ลุคเบาสบายตลอดวัน การเลือกแป้งให้เหมาะกับสภาพผิวคือกุญแจสำคัญ โดยแป้งฝุ่นจะช่วยเซ็ตเมคอัพให้เนียนเป็นธรรมชาติ ส่วนแป้งพัฟช่วยเพิ่มการปกปิดและเติมเต็มระหว่างวัน
เลือกแป้งที่ตอบโจทย์กับสภาพผิวของคุณจาก Jung Saem Mool ที่มีให้เลือกทั้งแป้งฝุ่นและแป้งอัดแข็ง ตอบโจทย์ทั้งสูตรที่เพิ่มการปกปิด และล็อกเมคอัพให้ผิวสวยตลอดทั้งวัน สั่งซื้อแป้งอัดแข็งออนไลน์ได้แล้ววันนี้ พร้อมโปรโมชันพิเศษและบริการจัดส่งทั่วประเทศ เพียงมียอดขั้นต่ำ 500 บาทขึ้นไป !